1. เป็นภาษาที่มีโครงสร้างคำสั่งที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับภาษาซี หรือ จาวา แล้ว ไพทอน (Python) เขียนคำสั่งได้น้อยกว่า แต่ทำงานได้คล้ายกัน
2. สามารถใช้ในการเขียนโปรแกรมที่ซับซ้อนได้ และการทำงานจริงในอนาคต
3. มีชุดคำสั่งสำเร็จรูป (Library) ให้เลือกใช้งานมากมาย เช่น ติดต่อฐานข้อมูลต่าง ๆ , ระบบเครือข่าย ทำให้เขียนโปรแกรมใหม่ได้รวดเร็วมากขึ้น
4. มีผู้ใช้และนักพัฒนามากมาย ที่มีส่วนรวมในการตอบและสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
5. สามารถจัดการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) ได้อีกด้วย ช่วยในเรื่องการแก้สมการ และการคำนวณ ในการเขียนโปรแกรมต้องแจ้งก่อนว่า มีแต่ข้อความภาษาอังกฤษและตัวเลข ดังนั้นคนที่เรียนโปรแกรม Python ต้องผ่านการเรียนเลขมาก่อน ไม่ใช่แค่คิดเลขเร็วแต่ต้องแก้สมการได้ ซึ่งอันนี้ถือว่าสำคัญมาก ดังนั้นก่อนที่จะเรียนเขียน Python ต้องเชคลิสต์ก่อนว่า คณิตที่ได้เรียนเป็นแบบคิดเร็วหรือว่าแบบแก้สมการได้
6. เป็นภาษาที่ใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
7. เป็นภาษาที่รองรับการใช้งานสำหรับควบคุมไมโครคอนโทรลเลอร์ ขนาดเล็กเช่น คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก (Raspberry pi) มีภาษา Python (ไพทอน) ติดตั้งอยู่ในระบบปฏิบัติการคือ Raspbian ทำให้สามารถเขียนโปรแกรมพื้นฐานไปจนถึงควบคุมอุปกรณ์ตัวตรวจจับ (Sensor) ต่าง ๆ ได้
8. วงการศึกษาไทยในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แนะนำโดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ส่วนในระดับมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ นำไพทอน (Python) เป็นภาษาแรกในการเรียนเขียนโปรแกรม
9. สร้างโอกาสในการทำงาน การเรียน Python ช่วยส่งเสริมเรื่องการทำงานมากในอนาคต อย่างอาชีพใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเช่น Datascience, IoT (Internet of Thing), AI
10. การย่อชุดคำสั่ง เช่นในการเขียนโปรแกรม เปลี่ยนจาก 10 บรรทัด อาจเป็น 4 บรรทัด หากสมัยก่อนการเรียนเขียนโปรแกรมเราต้องเขียนหลายบรรทัด ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรม JAVA ปกติเขียน 1 คำสั่งจะโค้ได้ประมาณ 10 บรรทัด แต่สำหรับ Python แล้วเหลือแค่ 4 บรรทัด เป็นต้น
#python #education #pythoncode #datascience #ai #ml #microcontroller #webapplication #ไพทอน